ปัจจุบันด้วยข่าวสารและข้อมูลต่างๆ นั้น ทำให้คุณพ่อและคุณแม่เห็นปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน และอาจจะต้องกังวลถึงอนาคตของบุตร
โดยเฉพาะในเรื่องของการเลือกโรงเรียน เพราะคุณพ่อคุณแม่หลายคนนั้นยังไม่แน่ใจว่าควรจะเลือกโรงเรียนอย่างไรให้เหมาะสมกับลูกดี วันนี้ผู้เขียนมีแนวทางในการแนะนำคุณพ่อคุณแม่หลายๆ ท่าน เพื่อที่จะลดความกังวลในเรื่องของการเลือกโรงเรียนให้กับลูก โดยคุณพ่อคุณแม่นั้นสามารถที่จะนำเกณฑ์หรือคำแนะนำที่ผู้เขียนได้เรียบเรียงมาไปใช้ในการตัดสินใจกันได้
อย่างแรกคือการเลือกโรงเรียนตามเกณฑ์ของบุตรหลาน โดยพิจารณาจากช่วงวัย ว่าเป็นเด็กในวัยก่อนเข้าเรียน วัยอนุบาล หรือจัดอยู่ในกลุ่มของเด็กที่อยู่ในวัยเรียนต่อ เพื่อจะได้เลือกเรียนโรงเรียนที่เหมาะสมกับวัย และเหมาะสมกับการเรียนรู้ในแบบที่เด็กรวมถึงผู้ปกครองต้องการได้ เช่น ในปัจจุบัน มีโรงเรียนอนุบาลทั้งภาษาไทยล้วน, นานาชาติ , 2 และ 3 ภาษา , รวมไปถึงโรงเรียนอนุบาล ที่เน้นทั้งบูรณาการเป็นหลัก หรือวิชาการเป็นหลักด้วยเช่นกัน ในวัยนี้ต้องคำนึงถึงความพร้อมของลูก ความเหมาะสมและพิจารณาจากคำแนะนำอื่นๆ ในด้านล่าง เด็กโตในระดับชั้นประถม และมัธยมก็เช่นกัน แต่ละโรงเรียนนั้นจะมีด้านที่เด่นในเรื่องของรูปแบบและวิชาการเรียนการสอนที่ต่างกันออกไป ซึ่งเป็นสิ่งที่คุณพ่อและคุณแม่ต้องใช้เป็นเกณฑ์พิจารณาอีกด้วย
หลักต่อมาที่ควรพิจารณานั้น ก็คือในส่วนของคุณภาพของครูผู้สอนเช่นในเรื่องของการดูแลเด็กอย่างทั่วถึงหรือไม่โดยพิจารณาจากจำนวนของครูผู้สอนในแต่ละห้องกับจำนวนของนักเรียน โดยเฉพาะเด็กเล็กในวัยอนุบาลนั้น เด็กในวัย 2-3 ขวบ คุณครูควรดูแลเด็ก 4-5 คน / 1 คุณครู และในวัย 3-4 ขวบ คุณครูควรที่จะดูแลเด็กไม่เกิน 7 คน / 1คุณครู เพื่อการดูแลที่ทั่วถึง เพราะเด็กเล็กนั้นต้องการ การดูแลเป็นพิเศษ ส่วนในเรื่องวุฒิการศึกษาของครูผู้สอนเองก็เป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะจะเป็นการประเมินถึงความเหมาะสมในการสอนและดูแลเด็ก โดยครูผู้สอนก็ต้องมีทัศนคติในเชิงบวกกับเด็กด้วย โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ที่ยังเป็นวัยอ่อนแต่โลกและต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจหลายๆ สิ่งอยู่
นโยบายต่างๆ ของโรงเรียน สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมมาตรการต่างๆ ในเรื่องของความสะอาดและการดูแลความสะอาด รวมไปถึงการป้องกันอันตรายต่างของสภาพแวดล้อม แผนรองรับหากเกิดอุบัติเหตุของนักเรียน สิ่งเหล่านี้ก็สำคัญเช่นกัน โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่มีการเจ็บป่วยและติดต่อกันได้ง่ายๆ ของเล่นต้องมีความเหมาะสมและมีการทำความสะอาดอยู่เสมอ
กิจกรรมหรือหลักสูตรของโรงเรียนนั้นเหมาะสมและดีต่อการส่งเสริมพัฒนาการในด้านต่างๆ ของเด็กหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นทักษะความสมบูรณ์ของร่างกายหลักสูตรของโรงเรียนมีการส่งเสริมในส่วนนี้หรือไม่ การเสริมสร้างพัฒนาการของเด็กแต่ละช่วงวัยทางโรงเรียนมีรูปแบบการส่งเสริมอย่างไร ทักษะการใช้ชีวิตต่างๆ พัฒนาการและสมาธิ แนวทางวิชาการ การพัฒนาบุคลิกภาพลักษณะนิสัย การเตรียมพร้อมของเด็กในด้านอื่นๆ นอกเหนือจากวิชาการ และเนื้อหาในห้องเรียน โรงเรียนมีหลักการในการส่งเสริมกิจกรรมต่างๆ หรือความสามารถอื่นๆ ของเด็กนอกเหนือจากหลักวิชาการอย่างไรบ้าง
ในปัจจุบันนั้นต้องยอมรับว่ายุคสมัยได้มีการเปลี่ยนแปลงไป สิ่งต่างก็พัฒนาขึ้นอย่างมากมาย หลักการเรียนการสอนก็เช่นกัน นอกเหนือจากเรื่องภาษาแล้ว วัยอนุบาลของแต่ละโรงเรียนก็มีรูปแบบการเรียนการสอนที่แตกต่างกันออกไปในประเทศไทยของเรา ไม่ว่าจะเป็นแบบ มอนเตสซอรี่ ที่จะเน้นให้เด็กได้มีการพัฒนากระบวนการทางความคิดและเรียนรู้ด้วยกัน รูปแบบการสอนแบบวอลดอร์ฟ จะเป็นการสอนที่เน้นให้เด็กได้ค้นพบความชื่นชอบของตนเองตั้งแต่ในวัยเด็ก แนวทางการสอนแบบ เรกจิโอ เอมิเลีย ที่เน้นการสอนที่ให้เด็กนั้นได้เรียนรู้จากการลองผิดและลองถูกด้วยตนเอง หาคำตอบและเรียนรู้ประสบการณ์ผ่านการทำกิจกรรมในสื่อต่าง ๆ โรงเรียนประถมก็เช่นกันคุณพ่อคุณแม่ต้องพิจารณาจากความเหมาะสมของบุตร สภาพแวดล้อมครูผู้สอน ด้วย ส่วนในวัยมัธยมนั้น ก็ต้องพิจรณาจากความต้องการของบุตรรวมไปถึงความพร้อมในการเรียนว่าบุตรของเรานั้นสามารถที่จะเรียนต่อในสายวิชาการร้านไหนได้ดี และไหว การเรียนนั้นในช่วงมัธยมปลายหากพิจรณาจากความชอบเพียงอย่างเดียวจะเป็นเรื่องที่หนักสำหรับบุตรหลานของท่านในอนาคต ลองให้เขาหาคำตอบด้วยตัวเองและมีคุณพ่อคุณแม่ให้คำปรึกษาอยู่ข้างๆ จะเป็นการดี