การจัดอันดับทางการศึกษา มีหลักเกณฑ์อะไร อย่างไรบ้าง

นี่เป็นคำถามที่หลายคนอาจสงสัย สำหรับในวงวิชาการของโลก มีหลายสถาบันที่จัดอันดับมหาวิทยาลัยหรือการศึกษาของประชาชนในแต่ละประเทศแบบภาพรวมไว้ ในที่นี้ เรามาดูกันว่า แล้วเกณฑ์ทั่วไปที่ใช้มีอะไรบ้าง และที่สำคัญคือ หน่วยงานไหนกันแน่ มีมาตรฐานสากล เชื่อถือได้มากที่สุด ซึ่งอันที่จริงแล้ว ก็ยังไม่มีองค์กรไหน ทำได้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพียงแค่ว่าเป็นเกณฑ์ที่นำมาตัดสินและประเมินคุณภาพการศึกษาในบางแง่มุมเท่านั้น

ในประเทศไทย การจัดอันดับระดับมหาวิทยาลัย มีเกณฑ์ใช้ประเมิน 7 ด้าน คือ

  1. Academic Reputation (30%) ชื่อเสียงด้านวิชาการของมหาวิทยาลัยต่อนักวิชาการ ทาง QS จะส่งแบบสำรวจออนไลน์ถึงนักวิชาการ Worldwide academics จากแหล่งต่างๆ
  2. Employer Reputation (20%) ชื่อเสียงมหาวิทยาลัยต่อผู้จ้างงาน ให้ผู้จ้างงานระบุชื่อมหาวิทยาลัยที่ผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพที่ดีที่สุด
  3. Faculty/student ratio (15%) สัดส่วนอาจารย์หรือลูกจ้างในสถาบันที่ทำงานเต็มเวลากับนิสิตนักศึกษา
  4. Citations per paper (10%) and papers per faculty (10%) สืบค้นฐานข้อมูล Scopus ได้เป็นจำนวนการถูกอ้างอิงต่อบทความ และจำนวนการถูกอ้างอิงต่อหัวของอาจารย์
  5. Staff with a PhD (5%) เกณฑ์ใหม่เพื่อจัดอันดับมหาวิทยาลัยเอเชีย ตั้งแต่ พ.ศ. 2559 พิจารณาจากจำนวนอาจารย์หรือบุคลากรในองค์กรที่เรียบจบถึงระดับปริญญาเอก
  6. Proportion of international faculty (2.5%) and proportion of international students (2.5%) สำหรับในด้านนี้ต้องการวัดระดับความอินเตอร์ของมหาวิทยาลัย ประเมินจากจำนวนอาจารย์ต่างชาติและจำนวนนักเรียนต่างชาติที่สนใจเข้าเรียน
  7. Proportion of inbound exchange students (2.5%) and proportion of outbound exchange students (2.5%) เป็นเกณฑ์สำหรับมหาวิทยาลัยในทวีปเอเชียเท่านั้น เพราะอิงกับความร่วมมือระหว่างกันของมหาวิทยาลัยในเอเชียด้วย พิจารณาจากจำนวนนักศึกษาแลกเปลี่ยนในสถาบันต่างประเทศ และจำนวนนักศึกษาที่ได้ออกไปแลกเปลี่ยนในต่างประเทศ

 

ทีนี้ ถ้าเป็นอันดับภายนอกประเทศละ

มีองค์กรสำคัญที่จัดทำรายงานประจำปีของการแข่งขันด้านต่างๆในหลายประเทศทั่วโลก นั่นคือ World Economic Forum (WEF) เป็นองค์กรเอกชนไม่แสวงหากำไร อยู่ที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถือว่าเป็นองค์กรที่มีระบบการจัดทำดัชนีชี้วัดความสามารถของประเทศต่างๆมายาวนานมากกว่า 30 ปี ใช้ดัชนีที่เรียกว่า Global Competitiveness Index (GCI) เกณฑ์การคำนวณมาจากปัจจัยพื้นฐานหลายด้าน เช่น ระบบสาธารณูปโภค งบดุลของประเทศ ดัชนีพื้นฐานต่างๆ การออกมเงิน สวัสดิการรัฐ ฯลฯ

แล้วการสำรวจคุณภาพด้านการศึกษาเป็นอย่างไร

สำหรับดัชนีสำคัญในการทำสำรวจมี 8 ตัว โดยมาจากคำถามดังต่อไปนี้

  1. จงประเมินคุณภาพการศึกษาระดับประถมศึกษาในประเทศของท่าน (ประเมินคุณภาพของประถมศึกษา)

2.ระบบการศึกษาในประเทศของท่านตอบสนองต่อเศรษฐกิจที่ต้องแข่งขันได้ดีเพียงใด (ประเมินคุณภาพระบบการศึกษาที่มีต่อการทำงาน)

  1. จงประเมินคุณภาพการศึกษาด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ในประเทศของท่าน (คุณภาพของการศึกษาวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์)
  2. จงประเมินคุณภาพของโรงเรียนบริหารธุรกิจในประเทศของท่าน (คุณภาพของโรงเรียนบริหารธุรกิจ)
  3. โรงเรียนในประเทศของท่านมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากน้อยเพียงใด (การเข้าถึงอินเทอร์เน็ตในโรงเรียน)

แต่ละข้อจะให้ผู้ตอบเลือกคะแนนตั้งแต่ 1-7 ตามความพอใจต่อประเด็นคำถามนั้น ซึ่ง 1 คือแย่มาก ไปจนถึง 7 คือยอดเยี่ยมมาก

กรณีของการสำรวจความคิดเห็น (Opinion Survey) ในประเทศไทยที่ผ่านมา สุ่มจากผู้ทำงานในสถานประกอบการจากหลายภาคส่วน ขนาดต่างๆกันไป และนำค่าเฉลี่ยของคะแนนในแต่ละข้อ สร้างเป็นค่าดัชนีของประเทศ ซึ่งสามารถถามผ่านระบบออนไลน์ได้ด้วย

แล้วยังมีการใช้สถิติจากสำนักงานสถิติแห่งยูเนสโก (UNESCO Institute of Statistics) อีก 3 ตัว เพื่อนำไปใช้คำนวณค่าดัชนี GCI คือ อัตราการเข้าเรียนในระดับประถมศึกษา มัธยม และระดับอุดมศึกษา

แต่การให้น้ำหนักของคำถามแต่ละข้อก็แตกต่างกันไปอีก บางประเด็นมีน้ำหนักสูงกว่า ซึ่งทาง WEF ก็ไม่ได้อธิบายไว้ชัดเจนถึงหลักการและเหตุผลเรื่องนี้

สุดท้ายแล้ว ประเด็นสำคัญคือการให้คะแนนเฉลี่ยด้วยแบบสอบถามในสเกลไม่ใหญ่ จึงไม่ควรนำมาใช้จัดอันดับประเทศเท่าไรนัก เพราะแค่พอเทียบเคียงภายในประเทศได้ก็จริง แต่เป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่าข้อเท็จจริงเสมอไป